LED หรือ Light Emitting Diode อาจไม่คุ้นหูคนทั่วไปที่ไม่ได้อยู่ในแวดวงการออกแบบภายใน
แต่สำหรับดีไซเนอร์แล้ว LED นี้เป็นหลอดไฟที่มาแรงที่สุดในขณะนี้
เนื่องจากคุณประโยชน์อันเหนือชั้นที่ถูกพัฒนาขึ้นจากข้อด้อยที่หลอดไฟอื่นๆตามท้องตลาด
โดยหลอดไฟประเภทนี้มีข้อดีคือมีอายุการใช้งานที่ยาวนานถึง 50,000 – 100,000 ชั่วโมง
ประหยัดไฟฟ้า โดยทั่วไปกินไฟเพียง 0.5-1 วัตต์ และมีหลายสีให้เลือกใช้โดยใช้หลักการผสมสีของแสงสีแดง เขียว น้ำเงิน เหลือง ขาวแบบ Warm white และขาวแบบ Daylight ซึ่งบางประเภทสามารถผสมสีได้ถึง 16.7 ล้านสีเลยทีเดียวค่ะ
แต่ใช่ว่าจะมีข้อดีไปซะหมดนะคะ หลอด LED ก็มีข้อด้อยเหมือนกันตรงที่ราคาแพง (ต้นทุนต่อหลอดค่อนข้างสูง แต่ในปัจจุบันนี้ ราคาจำหน่ายได้ลดลงมากว่าครึ่งหนึ่งเนื่องจากมีผู้ผลิตจำนวนมาก ทำให้ต้นทุนต่ำกว่าในช่วงจำหน่ายแรกๆ เป็นอย่างมาก)
ผู้ใช้ให้แสงสว่างน้อย ถ้าต้องการความสวยงามในการออกแบบภายในอาจสู้ หลอดฮาโลเจนไม่ได้ เพราะเงาที่เกิดขึ้นจากหลอดฮาโลเจนจะคมกว่า
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หลอด LED เป็นหลอดไฟที่กำลังอินเทรนด์ด้วยการใช้งานแบบระยะยาว เป็นทางเลือกของคนชอบการประหยัดพลังงาน หรือบางสถานที่ที่เล่นแสงสีเยอะ เปิดปิดไฟบ่อย หลอดนี้จะเหมาะมากเลยค่ะเราจึงมีคำแนะนำในการเลือกซื้อหลอด LED มาฝากค่ะ
ความสว่างของLED... หลอด LED นั้นมีหลายเกรด ดังนั้นจำนวนหลอดในหนึ่งโคมนั้นจึงไม่ใช่ปัจจัยว่าหลอดนั้นจะสว่างกว่ากัน โคมที่มี 100 หลอดอาจสว่างกว่าโคมที่มี 200 หลอดแต่คุณภาพต่ำกว่าก็ได้
มุมกระจายของแสง... ธรรมชาติของ LED นั้นพุ่งตรงแต่ไม่กระจาย ดังนั้นเวลาไปใช้ทำไฟทางจริงๆจะสว่างแค่เป็นกระจุก เรื่องกระจายแสงนี้บางทีอาจจะสำคัญกว่าความสว่างที่จุดใดจุดหนึ่งของLED เสียอีก
การกินไฟ.... ถ้าคุณไปเลือกซื้อหลอด LED แต่พบว่ากำลังวัตต์ต่ำมากเพียง 1-3 วัตต์ก็เพียงพอแล้ว
เพราะเป็นคุณสมบัติของ LED อยู่แล้วที่จะกินไปต่ำมาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องพิจารณาการนำไปใช้หรือบริเวณที่จะใช้อีกที
ความทนทานและความเสื่อม... หลอดไฟทุกชนิดเมื่อใช้ไปเรื่อยๆแสงสว่างจะค่อยๆลดลง เวลาที่เราเปลี่ยนหลอดไฟใหม่ๆจะสว่างมากพอใช้ไปเรื่อยๆจะลดลง หลอด LED ก็เช่นกัน แถมยังลดลงมากกว่าหลอด Flourescent อีกด้วย แต่ LED ที่ดีปัญหาตรงนี้จะเกิดขึ้นน้อยกว่ามาก
